ประวัติของปืน S&W M36


ท่านประธานครับ

มี Share เหมียนกัน เป็นประวัติปืนที่ผมได้รับมาเป็นมรดกจากคุณพ่อ ไม่เคยยิง และผมก็ไม่กล้ายิงเพราะมันสวย สีนํ้าเงินอย่างที่ Article เขียนไว้เลยกลัวเสียของ ขอความกรุณาท่านชี้แนะด้วยครับ หากท่านจะเอาลง Forum ก็ได้ครับ


_____________________

Siva Mahasandana
Siam City Concrete Company Limited

พกพาปืนอย่างไร........

เรียน ท่านสมาชิกชมรมยิงปืนทุกท่าน ครับ

ขอแจ้งให้ทราบว่า ขณะนี้ชมรมของเรามีสมาชิกรวมจำนวน 52 ท่าน แล้วครับ

ท่านสมาชิกที่สงสัยเรื่องการนำพาอาวุธปืนติดรถ อาจจะสนใจคำสั่งนี้ครับ แต่ต้องขอเรียนให้ท่านทราบว่า ตามบันทึกนี้เป็นเรื่องแนวทางในการผ่อนผันของเจ้าหน้าที่ตำรวจนะครับ และผมไม่ได้รับประกันว่า ท่านจะไม่ถูกตำรวจจับและดำเนินคดีนะครับ นอกจากนี้ผมมีคำแนะนำเพิ่มเติมอีกข้อหนึ่งว่า ท่านควรสมัครเป็นสมาชิกสนามยิงปืนไว้ด้วย เพื่อที่จะได้ใช้บัตรสมาชิกสนามยิงปืนอ้างว่า ท่านกำลังจะเดินทางไปสนามยิงปืน (ข้ออ้างนี้ใช้ได้ในเฉพาะเวลาปกตินะครับ ไม่ใช้อ้างว่า จะไปยิงปืนในยามวิกาล) และคงตอบปัญหาของคุณอภินันท์ ฯ ได้เหมือนกัน ส่วนผลที่ตามมาผมคงไม่อาจรับรองได้นะครับ

ตามบันทึก ตร.ที่ 0501 /30476 ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2517 กำหนดแนวทาง ในการปฏิบัติของข้าราชการตำรวจ ให้ใช้ดุลพินิจในการตรวจค้น จับกุม ผู้พกพาอาวุธไปในที่สาธารณสถานให้เป็นการถูกต้องตามประมวลกฎหมายอาญาที่สาธารณสถานให้เป็นการถูกต้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ได้บัญญัติไว้ ต่อมาได้มีคำสั่งของ คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 8 ทวิ แห่ง พรบ. อาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 ขึ้นอีก ในทางปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจในปัจจุบันยังคงมีปัญหา เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจค้นพบบุคคลพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ โดยมีเพียงใบอนุญาต ให้มีและใช้อาวุธปืน ( ป. 4 ) แต่ยังไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว ( ป. 12 ) ก็มักจะควบคุมตัวมาดำเนินคดีทุกรายไป ทำให้เป็นที่เดือดร้อนแก่ผู้บริสุทธิ์ที่ถูกตรวจค้น และจับกุม เพื่อให้การปฏิบัติของเจ้าพนักงานตำรวจเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และถูกต้อง จึงขอซักซ้อมความเข้าใจในการปฏิบัติเพิ่มเติมดังนี้ ตามบทบัญญัติ มาตรา 8 ทวิ แห่ง พรบ.อาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 3 กำหนดว่า ห้ามมิให้ ผู้ใดพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต ให้มีอาวุธปืนติดตัว เว้นแต่กรณีต้องมีติดตัวเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควร แก่พฤติการณ์ ไม่ว่ากรณีใดห้ามมิให้พกพาอาวุธปืนไปโดยเปิดเผยหรือพาไปในที่ ชุมนุมชนที่ได้จัดให้มีขึ้นเพื่อนมัสการ การรื่นเริง การมหรสพ หรือการอื่นใด ดังนั้นจะเห็นได้ว่า กฎหมายยังคงเปิดโอกาส ให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ นำเอาอาวุธปืนที่ตนมีไว้โดยชอบด้วยกฎหมาย แต่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้พกพา ติดตัวไปเพื่อป้องกันตัวและทรัพย์สินได้ ภายในขอบเขตที่กฎหมายให้กระทำได้ ตามแนวคำชี้ขาดไม่ฟ้องคดีของอธิบดีกรมอัยการเกี่ยวกับการพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้พกพาจากเจ้าพนักงาน ซึ่งถือว่าโดยสภาพเป็นกรณีที่ต้องมีอาวุธปืนติดตัวเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วน ตามสมควรแก่พฤติการณ์ มีแนวทางพอสรุปได้ดังนี้คือ
1. ถ้าได้นำอาวุธปืนใส่กระเป๋าเก็บไว้ในช่องเก็บของท้ายรถ ซึ่งไม่สามารถหยิบใช้ได้ทันทีทันใด
2. เอาอาวุธปืนใส่กระเป๋าใส่กุญแจแล้ววางไว้ในรถซึ่งไม่สามารถหยิบใช้ได้ในทันทีทันใด
3. ไปเก็บเงินจากลูกค้าต่างจังหวัด จำนวนเป็นหมื่นๆ นำติดตัวมาแล้วมีอาวุธปืน ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนแล้ว ใส่ช่องเก็บของหน้ารถยนต์เพื่อป้องกันตัวและทรัพย์สิน
4. ไปเก็บเงินจากลูกค้าต่างจังหวัด นำอาวุธปืนติดตัวมาด้วย โดยแยกอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนออกจากกัน ใส่กระเป๋าเอกสารไว้ที่พนักเบาะหลังรถยนต์
5. ห่ออาวุธปืน และแหนบบรรจุกระสุนปืน ( แมกกาซีน ) แยกออกคนละห่อเก็บไว้ในกระโปรง รถยนต์ซึ่งใส่กุญแจ
จึงแจ้งมาเพื่อทราบและแจ้งให้ข้าราชการตำรวจที่เกี่ยวข้องทราบ เพื่อใช้เป็นดุลพินิจ ประกอบการพิจารณาในการปฏิบัติหน้าที่ในเรื่องนี้ต่อไป


ลงชื่อ พล.ต.ท.ณรงค์ มหานนท์ ( ณรงค์ มหานนท์ )
รองอ.ตร.ปป.ปร.ท.อ.ตร.

_____________________

Pramuan Panitchawongs
SCCC

ประวัติของปืน Colt


  • เรียน ท่านสมาชิกชมรมยิงปืนทุกท่าน

    ประวัติของปืน Colt นี้ คงให้คำตอบกับคำถามว่า ปืน 1911 คืออะไร

    ปืน 1911A1 และ ปืน 1991A1 แตกต่างกันอย่างไร เข้าใจว่าน่าจะตอบคำถามของคุณศิวะ และของคุณสนธิได้ครับ

    เอ่ยคำว่า 'Colt' เชื่อได้ว่านักนิยมปืนทั่วโลกต้องรู้จักในฐานะผู้ผลิตปืนสั้นอันมีชื่อเสียงต่อเนื่องมาตั้งแต่ยุคที่ใช้ปืนใช้กระสุนดินดำจนถึงปัจจุบัน จากปืนลูกโม่ Single Action (Colt Walker) มาถึง Single Action Army ปืนพกกึ่งอัตโนมัติ 1911 (M-1911 หรือ Government Model) ตลอดจนลูกโม่ดับเบิล (Python) แม้แต่ปืนสั้นลูกกรด (Colt Woodsman) ล้วนเป็นปืนมีระดับที่นักสะสมใฝ่หากันมาก ซึ่งบริษัท Colt ก็ให้การสนับสนุนด้านข้อมูลเป็นอย่างดี ผู้ที่สนใจสามารถสืบค้นประวัติความเป็นมาต่างๆได้

    ในปีที่ Colt ฉลองครบรอบ 150 ปี เป็นปีที่ปืน 1911 ปลดระวางจากกองทัพสหรัฐอเมริกา จากศตวรรษ 1800, 1900 Colt เข้าสู่ศตวรรษที่สามคือ 2000 แบบไม่ค่อยมั่นคงนัก ถ้าเป็นคนก็เหมือนเข้าสู่วัยชราแบบไม้ใกล้ฝั่ง แต่ในทางตรงกันข้าม หลังจากที่สิทธิบัตรคุ้มครองปืน 1911 หมดอายุไป 1911 กลายเป็นตัวเก่งให้หลายๆบริษัทสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นใหม่ได้

    Colt M-1911 World War I Replica (.45 ACP)
    Colt 1911 World War I Replica เป็นปืนที่ Colt ทำส่งให้กับกองทัพสหรัฐอเมริกาเมื่อคราวสงครามโลกครั้งที่ 1 ปี 1914 ถึง 1918
    Colt M-1911 A1 (.45 ACP)
    Colt 1911 A1 เป็นปืนที่กองทัพสหรัฐเคยใช้เป็นปืนประจำการและเคยถูกใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 2

    คำว่า 1911 คืออะไร
    1911 เป็นปีที่ Colt ผลิตปืนกึ่งอัตโนมัติ ผลิตให้กับทหารสหรัฐในสงครามโลกครั้งที่ 1
    ตั้งแต่ปี 1914 ถึง 1918 และ Colt ได้จดสิทธิบัตรปืนกึ่งอัตโนมัติไว้ว่าห้ามลอกเลียนแบบ
    คำว่า 1911 คือชื่อของแบบแผนปืนกึ่งอัตโนมัติที่ Colt ได้จดสิทธิบัตรไว้ หลังจากสิทธิบัตรคุ้มครองแบบแผนปืน 1911 สิ้นสุดลง ในช่วงปี ค.ศ. 1985 หลายบริษัท เลยหันมาผลิตปืนแบบ 1911 กันจำนวนมาก Colt M-1911 A1 (.45 ACP)

    เมื่อเอ่ยถึง Colt 1911 ผู้ที่รู้จักหรือคุ้นเคยกับอาวุธปืนอยู่บ้าง ย่อมจะนึกถึงปืนสั้นออโต้แบบกัฟเวอร์นเมนท์โมเดล ขนาด .45 ACP ของโรงงาน Colt กันแทบทุกคน โดยเฉพาะท่านที่เป็นทหารรุ่นเก่าของไทยย่อมจะต้องรู้จักคุ้นเคยเป็นพิเศษ เนื่องจากปืน Colt ออโต้โมเดลนี้มีชื่อเสียงกิติศัพท์อันเกรียงไกรมาจากพื้นฐานซึ่งเป็นปืนทหารมาก่อน นับตั้งแต่กองทัพบกของสหรัฐอเมริกาเข้ารับประจำการในปี ค.ศ. 1911 จึงเป็นที่มาของคำว่า 'โมเดล 1911' หลังจากผ่านการทดสอบของกองทัพมาเป็นเวลาเกือบห้าปี ต่อมา ปืนโคลท์ กัฟเวอร์นเมนท์ โมเดล 1911 ได้รับการปรับปรุงอีกเล็กน้อยในทศวรรษแห่งปี 1920 จึงได้เปลี่ยนเป็น 'โมเดล 1911 A1' นับตั้งแต่นั้นมา ด้วยเหตุที่ปืนโมเดล 1911 ที่กองทัพสหรัฐฯ แจกจ่ายให้ทหารของตน หรือส่งไปช่วยเหลือกองทัพประเทศพันธมิตร มีอักษรข้อความว่า UNITED STATES PROPERTY อยู่ทางด้านซ้ายของโครงปืน และโดยเฉพาะมีอักษรบอกข้อความอยู่ทางด้านขวาของโครงปืนว่า MODEL OF 1911 U.S. ARMY หรือ NAVY แต่ส่วนมากจะเป็น U.S. ARMY จึงทำให้นักเลงปืนชาวบ้านทั่วไปพากันเรียกปืนโมเดลนี้ว่า ปืนยูเอส อาร์มี หรือ ยูเอส เฉยๆ หรือไม่ก็เรียกว่า ปืนขนาดสิบเอ็ด ตามขนาดของปืนหรือกระสุนที่ใช้ยิงไปเสียเลย สาเหตุที่ผู้ใช้ปืนบ้านเรานิยมเรียกกระสุน .45 ACP ว่า สิบเอ็ดมอมอ เพราะยังยึดติดไปตามระบบเมตริกของกระสุนปืนจากยุโรปอยู่ จึงไม่ค่อยได้เรียกกันว่าขนาดจุดสี่ห้าสักเท่าใดนัก

    หากกล่าวถึงปืนออโตแบบ 1911 โดยทั่วไปแล้ว คนส่วนมากก็จะนึกถึงปืนขนาด .45 เอซีพี
    ทั้งๆที่โคลท์ก็ผลิตปืนโมเดลนี้ออกมาในขนาด .38 Super และ 9mm Luger ด้วย แต่เป็นเพราะคนรู้จักคุ้นเคยกับปืนขนาด .45 ACP มาก่อนนั่นเอง


อย่างไรก็ตาม นักเล่นปืนในบ้านเราก็ให้ความนิยมปืน Colt 1911 ขนาด .38 Super รองลงมาจากขนาด .45 เอซีพี หรือ 11 มม. สาเหตุหลักมาจากการขอใบอนุญาต ป.3 สำหรับปืนขนาด .38 ได้ง่ายกว่า แต่ปัจจุบันนักยิงปืนระบบไอพีเอสซีนิยมใช้ปืนออโต้ 1911 ขนาด .38 Super ยิงแข่งขัน ปืนขนาด .38 Super จึงได้รับความนิยมขึ้นมาใกล้เคียงกับปืนขนาด .45 ACP นอกจากนี้กระแสความนิยมในปืนสั้นออโตวันเดอร์ไนน์มีส่วนช่วยเสริมให้เกิดความนิยมปืนออโต้ 1911 ในขนาด 9 มม. ไปด้วย แต่ปืนออโต้ 1911 ขนาด 9 มม. นี้มีวางจำหน่ายอยู่ไม่มาก เพราะร้านขายปืนของไทยไม่ค่อยสั่งเข้ามา ทั้งๆแต่เดิมบริษัทโคลท์ก็ผลิตปืนออโต้ 1911 ในขนาด 9 มม. ลูเกอร์มานานแล้ว เมื่อประมาณ 20-30 ปีก่อนหน้านี้ ผู้เขียน Colt Combat Commander ขนาด .38 Super และ 9 มม. มีวางจำหน่ายอยู่ประปรายบ้าง ในปัจจุบันปืนออโต้ 1911 ขนาด 9 มม. เริ่มสั่งเข้ามาขายมากขึ้นทั้งที่เป็นแบบลูกดกและลูกไม่ดก แต่เป็นปืนยี่ห้ออื่นมากกว่า ยี่ห้อโคลท์เจ้าเก่าหรือเจ้าตำรับยังสั่งเข้ามาน้อย จนแทบจะเรียกว่าหายากส่วนมากจะเห็นเป็นปืนมือสอง
คราวนี้หันมาดูปืนออโต้ 1911 ของโคลท์กันบ้าง หลังจากมีการปรับปรุงเป็นรุ่น 1911A1 ก็มีการเปลี่ยนแปลงบูชลำกล้องจากรูปทรงกระบอกทึบไปเป็นแบบกลีบจำปาในปี 1970 เรียกว่า Series 70 และได้เพิ่มตัวกั้นเข็มแทงชนวน หรือสมอล็อกเข็มแทงชนวนเข้ามาอีกเมื่อปี 1980 เรียกว่า Series 80 แต่ปัจจุบัน แม้ว่าปืน Colt 1911A1 จะเปลี่ยนแปลงโฉมภายนอกให้เหมือนปืนซิ่งมากขึ้นตามกระแสความนิยมซึ่งก็ยังเรียกว่าเป็น Series 80


Colt M-1991A1 (.45 ACP)
ในปี 1991 โคลท์ได้ผลิตปืน Model 1991A1 ขึ้นมา ซึ่งฟังดูแล้วน่าจะเป็นการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งของปืนโคลท์ 1911 แต่กลับเป็นการเปลี่ยนแปลงวิธีหรือรูปแบบการผลิตเสียมากกว่า
คือการแต่งผิวโลหะค่อนข้างด้านแบบปืนทหาร และรมออกสีเขียวๆอยู่บ้าง ส่วนหนึ่งที่เน้นคือราคาประหยัดมากขึ้นเพราะในช่วงเวลานั้นราคาของปืนโคลท์ไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ ว่ากันว่าเหล็กที่ใช้ทำปืนออโต้ 1991A1 ของโคลท์เป็นเหล็กที่มีคุณภาพแข็งแกร่งทนทานอย่างเดียวกับที่ใช้ทำปืนทหารมาก่อน ดังนั้น จึงพออนุมานได้ว่า Colt 1991A1 เป็นปืนที่เน้นไปทางด้านการใช้งานสมบุกสมบันมากกว่าความสวยงามสะดุดตา
นอกเหนือจากนี้แล้วก็ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากปืน Series 80 ของ Colt เอง ด้วยเหตุนี้จึงมีนักนิยมปืนที่มองเห็นข้อดีของ Colt 1991A1 แล้วซื้อมาแต่งซิ่งตามที่ใจชอบ อีกประการหนึ่งทางโรงงาน Colt โฆษณาว่า Colt 1991A1 เป็นปืนที่ถ่ายทอดลักษณะดั้งเดิมของ Colt 1991A1 มาเกือบทุกกระเบียด แต่มีทั้งแบบ Government Model กับแบบ Commander และมีทั้งทำด้วยเหล็กรมดำและเหล็กสเตนเลสส์ ช่วยให้ผู้ใช้ปืนที่นิยมปืนรุ่นเดิมๆ มีโอกาสเลือกได้บ้าง

Colt Gold Cup
โมเดลแรกที่โรงงาน Colt ทำออกมาเพื่อยิงเป้าคือ Colt National Match แตกต่างจากปืนสายยิงคนคือ เลิกเอาลำกล้องที่คัดพิเศษ โดยมีหลักการว่า จำนวนหนึ่งพันลำกล้องของล็อตนี้ สองร้อยลำแรกเครื่องจักรยังไม่เสถียร เพิ่งเริ่มเดินเครื่องก็เอาไว้เป็นลำกล้องยิงคน สามร้อยถึงเจ็ดร้อยอันต่อมาถือว่าเครื่องจักรเดินนิ่งดีแล้วก็คัดเอาไว้ก่อน สามร้อยอันสุดท้ายของล็อตก็จัดไปเข้ากลุ่มลำใช้งานทั่วไปที่คัดมาดีๆนั้นมาเลือกเอาเรียบร้อยที่สุดไว้สักสองร้อยอัน เพื่อมาประกอบกับลำเลื่อนที่ทำขึ้นต่างหากโดยเจาะรูเจาะช่องให้ประณีตกว่า มีสันลำกล้องให้เป็นแนวเล็งนำสายตา และเซาะร่องละเอียดกันแสงสะท้อน ใส่ศูนย์หลังแบบปรับได้สี่ทาง ใบศูนย์ใหญ่เล็งง่าย รุ่นแรกๆมีศูนย์สองยี่ห้อ คือ แอคโคร และ เอดิสัน ศูนย์หน้าเป็นแบบยกสูงตัดฉากหลังต่างจากศูนย์รูปวงเล็บ จุ๋มจิ๋มของปืนสายยิงคน บูชลำกล้องและหลอดครอบสปริงทำมาเป็นพิเศษ โดยหลอดครอบสปริงตรงปลายจะเป็นลาดเอียงหรือเทเปอร์ เพื่อให้รับกับบู้ชลำกล้องที่ทำลาดเอียงไว้รับกัน เพื่อให้ล็อคลำกล้องนิ่งกว่าปกติ ซึ่งทำเป็นบ่าไว้เฉยๆ ไกก็ทำหน้ากว้างกว่าปกติ มีหมุดหยุดไกปรับได้ละเอียดมากด้วย นอกนั้นนกและหลังอ่อนก็ยังเหมือนปืน Government แต่จะทำผิวรมดำมาชนิดดีพบลูสวยงามกว่า เพราะแน่นอนละว่า ปืน National Match ขายราคาแพงกว่าโขอยู่ และเมื่อลงสู่สนามแข่งขัน มันก็ประสบความสำเร็จงดงาม จน Colt ผลิตรุ่นต่อๆมา โดยเพิ่มคำว่า ถ้วยทอง หรือ Gold Cup สาไว้หน้าชื่อ National Match Colt Gold Cup National Match เป็นความภาคภูมิใจของ Colt ในฐานะเป็นเหมือนเรือธง
เป็นปืนในระดับสูงของปืนสาย 1911 ในขณะที่ปืนรีวอลเวอร์ Colt Python (.357 Magnum) ได้รับการวางตัวไว้ในระดับสูงสุดเช่นเดียวกัน ทั้งสองรุ่นนี้ กล่าวได้ว่า Colt ผลิตขึ้นเพื่อการโชว์ฝีมือของผู้นำในวงการผลิตอาวุธปืน เพื่อเป็นการประกาศศักยภาพให้คู่แข่งสำคัญคือ Smith & Wesson ได้ตระหนักว่า ศักดิ์ศรีของการเป็นผู้นำ มิใช่ได้มาเพราะโชคช่วย ปืน National Match รุ่นแรกๆ มีเข้ามาในเมืองไทยอยู่พอสมควร
ครั้งกระโน้นสามสิบปีกว่าได้ ห้างปืนที่เป็นตัวแทนสั่งเข้ามาคละกับ Government คราวละไม่มาก
เพราะเป็นปืนที่จับตลาดบน ชาวบ้านทหารตำรวจทั่วไปก็ไม่ซื้อเพราะแพงกว่าหลายพันอยู่
สมัยที่ Government ไม่ถึงหมื่นบาท แต่ Colt National Match ทะลุหมื่นขึ้นไป ปัจจุบันจะหา National Match ดูได้ยากมากแล้ว เพราะจะอยู่ในมือของนักยิงปืนระดับบนๆ เช่นนายทหารนายตำรวจ หรือพ่อค้าใหญ่เท่านั้น ซึ่งไม่ค่อยปรากฏว่ากลุ่มนี้จะขายปืนออกมาสู่ตลาดเหมือนชาวบ้านร้านช่องเขา Colt Gold Cup National Match มีวิวัฒนาการตามสายการผลิตของ Colt ขึ้นมาตามลำดับ เช่นเดียวกันกับสายปืนต่อสู้ปกติ โดยขยับมาเป็น Mark IV Series 70 ลำกล้องอวบปลายรับกับบู้ชสปริงสี่ขา แต่ก็ยังคงเป็นเหล็กรมดำขลับอยู่เช่นเดิม แม้ว่าช่วงนี้โลกปืนจะเริ่มนิยมเหล็กสเตนเลสขาวๆแล้วก็ตาม ซึ่ง Smith & Wesson เป็นผู้จุดกระแสก่อนในโมเดล 60 ชีฟส์สเปเชี่ยล จนมาสู่ยุคเอจตี้ ปี 1980 Colt ก็พัฒนาขึ้นมาอีกขั้นโดยใส่นิรภัยเข็มแทงชนวนและก็เริ่มปรากฏปืน Colt Stainless ออกมาแล้ว
ทั้งปืน Revolver ตระกูลงูพันธุ์ต่างๆของ Colt เช่น ไพธ่อน ไดมอนแบ็ค คอบร่า ไวเปอร์ และอนาคอนดา ยังมีโบอาอีกตัว ทั้งที่บนปืนก็ตีม้าผยองตามปกติ

Gold Cup National Match Mark IV Series 80 ผลิตขึ้นหลังจากที่สิทธิบัตรคุ้มครองแผนแบบปืน 1911 ของ Colt หมดอายุลง ในช่วงปี ค.ศ. 1985 แถม Colt ยังเสียการเป็นผู้ผลิตปืนพกให้กองทัพสหรัฐอเมริกา โดย Beretta จาก Italy ได้ออเดอร์มหึมานี้ไปแทน และก็เกิดกระแส 1911 ฟีเวอร์ขึ้นมาอีกด้วยการลงตลาดของผู้ผลิตปืนรายเล็กใหญ่สารพัด ที่นำเอาแผนแบบของปืน 1911 ไปผลิตในนามยี่ห้อของตน ซึ่งทำได้ถูกกว่า และแพงกว่าหลากหลาย ทำเอา Colt โซซัดโซเซไปพักหนึ่ง แต่ศักดิ์ศรีผู้นำที่สร้างสมมานานปานนั้น ผีผู้เฒ่าซามูเอล โคลท์ ผู้เป็นต้นตำนานคงเข้าสิงคนรุ่นต่อมาให้ฮึดสู้ หลังจากตั้งหลักเป่าน้ำแล้ว Colt ก็ออกจากมุมมาสู้อีกตรา ด้วยประสบการณ์และชื่อเสียง Colt ยังคงยืนหยัดในตลาดได้อย่างทระนง แถมยังสำทับพวกรุ่นลูกรุ่นหลานที่แตกหน่อเสียอีกว่า ถ้าไม่ใช่ Colt มันก็เป็นแค่ของเลียนแบบเท่านั้น

Colt Gold Cup ปัจจุบันนี้สามสี่ปีหลัง ในตลาดบ้านเราที่มีให้เห็นจะเป็นรุ่นต่อมา ที่ Colt เรียกว่า รุ่น โทรฟี (Trophy) ซึ่งคล้ายว่า ทำเป็นที่ระลึกถึงเกียรติภูมิในอดีต เป็น Gold Cup หลังลำเลื่อนกลม และไกรูเหมือนกับปืนสายต่อสู้ทั่วไป ต่างแต่ติดศูนย์หน้าสูงรับกับศูนย์หลังยี่ห้อ โบมาร์ ซึ่งกลายเป็นศูนย์มาตรฐานในปืน 1911 แบบแมทช์เกรดแทบทุกยี่ห้อ และ Gold Cup Trophy ราคาล่าสุดที่บอกขายหน้าร้านเกินหลักหมื่นไปแล้วด้วย จะหา Colt Gold Cup National Match หลังเหลี่ยมไกร่อง ศูนย์เอลลิสัน สภาพใหม่เอี่ยมจากหน้าร้าน เป็นเรื่องที่ยากเท่างมเข็มในสระว่ายน้ำ ต้องออกแรงมากหน่อย หรือมีประกาศขายมือสอง ก็ดูให้ดี

ที่มาของคำว่า Government
ในช่วงสงครามโลก รัฐบาลสหรัฐได้ให้บริษัทผลิตปืนได้ผลิตปืนในแบบ 1911 ขึ้นมา และมีเงื่อนไขว่า
ปืนทุกกระบอกต้องเหมือนกัน และสลับชิ้นส่วนกันได้ เลยเป็นที่มาของคำว่า Government หมายถึง ปืนของรัฐบาล และ ตั้งแต่สงครามสงบลง Colt จึงนำปืนมาออกจำหน่ายให้ประชาชนทั่วไป หลังจากที่ทหารเท่านั้นที่นำปืนมาใช้ในการแข่งขันยิงเป้า ก็มากลายเป็นยุคของประชาชนที่นำปืนมาแข่งขันยิงเป้า ซึ่ง Colt ได้ตั้งชื่อปืนในตระกูล 1911 ว่า Colt Government หรือ Government Model ขอบคุณข้อมูลจาก (http://gotoknow.org/blog/tanakatosi/241363)



_____________________

Pramuan Panitchawongs
SCCC

หลักเกณฑ์ของการป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย


เรียน ท่านสมาชิกชมรมยิงปืนทุกท่าน

บทความนี้อาจพอช่วยบอกท่านได้ว่า เมื่อใด เราจะสามารถป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของท่านได้โดยชอบด้วยกฎหมาย  สรุปง่าย ๆ คือฆ่าคนตายโดยไม่มีความผิดตามกฎหมายครับ

หลักเกณฑ์ของการป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย  ( มี ๔ ข้อ ) คือ

๑ .มีภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย
๒. เป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง
๓. ผู้กระทำจำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนเองหรือผู้อื่น ให้พ้นภยันตรายนั้น
๔. ต้องเป็นการกระทำป้องกันสิทธิที่ไม่เกินขอบเขต


๑ .  มีภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย

เช่น  มีคนมาปล้น  มาจะฆ่า  จะทำร้าย  เป็นต้น
ระวัง  หากเขามีสิทธิทำร้ายเราได้  เช่นพ่อมีสิทธิว่ากล่าว / ตีลูก   เมื่อเราทำผิดบิดามารดา
ลงโทษเรา /ตีเรา  ไม่ถือเป็นภยันตรายตามข้อ ๑ นี้  เราตอบโต้แล้วอ้างป้องกันไม่ได้
  มีฎีกา ที่ ๔๒๙/๒๕๐๕ ว่าพระตีลูกศิษย์   ลูกศิษย์ตอบโต้  ฆ่าพระ  ไม่เป็นป้องกัน

         กรณีเห็นเมียกำลังนอนกอดกับชายชู้  ถือเป็นภยันตรายที่มาละเมิดตามข้อ ๑ แล้ว
แต่ก็แยกว่า    ถ้าภริยาจดทะเบียนสมรสกับเรา   เราฆ่าชู้  เป็นป้องกัน ( ฏีกาที่๓๗๘/๒๔๗๙ )
แต่ถ้าไม่ได้จดทะเบียน  ไม่เป็นป้องกัน  แต่อ้างบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๗๒  เพื่อให้ศาลลงโทษน้อยลงได้ ( ฎีกาที่ ๒๔๙/๒๕๑๕ )

       แม้จะมีภยันตรายตามข้อ ๑ แล้วก็ตาม  แต่ผู้ที่จะอ้างป้องกันได้
จะต้องไม่มีส่วนผิดในการก่อให้เกิดภยันตรายดังกล่าวขึ้นด้วย  คือ
 
-   ไม่เป็นผู้ที่ก่อภัยขึ้นในตอนแรก
เช่น ฎีกาที่ ๒๕๑๔/ ๒๕๑๙  จำเลยชกต่อยก่อน แล้ววิ่งหนี    เขาไล่ตามต่อเนื่อง
ไม่ขาดตอน  จำเลยยิงเขาตาย   อ้างป้องกันไม่ได้
-    ไม่เป็นผู้ที่สมัครใจเข้าวิวาทกัน
เช่นฎีกาที่ ๒๓๒๒/๒๕๒๒  จำเลยโต้เถียงกันคนตาย   แล้วก็ท้าทายกัน
สมัครใจเข้าชกต่อยต่อสู้กัน   แม้คนตายจะยิงก่อน   แล้วจำเลยยิงสวน
ก็อ้างป้องกันไม่ได้
-    ไม่เป็นผู้ที่ยินยอมให้ผู้อืนกระทำต่อตนโดยสมัครใจ
เช่น ให้เขาลองของคุณไสย์  คงกระพัน  แล้วจะไปโกรธตอบโต้ภายหลัง
อ้างป้องกันไม่ได้
-    ไม่เป็นผู้ที่ไปยั่วให้คนอื่นเขาโกรธก่อน
เช่นไปร้องด่าพ่อแม่  ด่าหยาบคายกับเขาก่อน  พอเขาโกรธมาทำร้ายเรา
เราก็ตอบโต้  เราอ้างป้องกันไม่ได้


๒.  เป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง


เช่น เขากำลังจะยิงเรา  เราจึงต้องยิงสวน
ฎีกาที่ ๒๒๘๕ / ๒๕๒๘  จำเลยกับคนตายคุยตกลงกันเรื่องแบ่งวัว  จำเลยชวน
ให้ไปคุยตกลงกันที่บ้านกำนัน   คนตายไม่ยอมไป   กลับชักปืนออกมาจากเอว
จำเลยย่อมเข้าใจว่าจะยิงตน   จึงยิงสวน   ๑ นัด  เป็นป้องกัน
ฎีกาที่ ๑๗๓๒ /๒๕๐๙  คนตายชักมีดพกจากเอวมาถือไว้ แล้วเดินเข้ามาหาจำเลย
ระยะกระชั้นชิด  จำเลยยิงสวน ๑ ที   คนตายยังเดินต่อเข้ามาอีก  จึงยิงสวน อีก ๑ ที
ล้มลงตาย  เป็นป้องกันสมควรแก่เหตุ
ฎีกาที่  ๑๗๔๑/ ๒๕๐๙  คนตายจับมือถือแขนคู่หมั้นจำเลย   พอจำเลยมาเห็น
คนตายก้มหยิบมีดพร้าที่วางใกล้ๆ  ยาว ๑๒ นิ้ว   ด้ามยาวอีก ๑๒ นิ้ว
แสดงว่าคนตายจะทำร้ายทันทีเมื่อหยิบมีดได้   จำเลยใช้มีดฟันตนตายไป ๑ ที
ป้องกันพอแก่เหตุ
ฎีกาที่๑๖๙ / ๒๕๐๔ คนตายเมาสุราร้องท้าทายจำเลยให้มาต่อสู้กัน
จำเลยไม่สู้  คนตายถือมีดดาบปลายแหลมลุยน้ำข้ามคลอง จะเข้าไปฟันจำเลย
ถึงในบ้าน  จำเลยไม่หนีเพราะบ้านตัวเอง  และใช้ปืนยิงสวนไป ๑ นัด
ขณะที่คนตายอยู่ห่าง ๖ ศอกถึง ๒ วา   เป็นป้องกันพอสมควรแก่เหตุ

 -ฎีกานี้วางหลักว่า ผู้รับภัยไม่จำเป็นต้องหลบหนีภยันตราย  ก็อ้างป้องกันได้

๓. ผู้กระทำจำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนเองหรือผู้อื่น ให้พ้นภยันตรายนั้น
 ข้อนี้ตามที่อธิบายข้างต้นไปแล้ว


๔. ต้องเป็นการกระทำป้องกันสิทธิที่ไม่เกินขอบเขต

ไม่งั้นจะเป็นการป้องกันที่เกินสมควรกว่าเหตุ หรือเกินกว่ากรณีแห่งการ
จำต้องกระทำเพื่อป้องกัน  ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๙ ไป
ซึ่งจะทำให้ยังมีความผิดอยู่


แบบไหนไม่เกินกว่าเหตุ  ยากมากครับ  ต้องแล้วแต่พฤติการณ์แห่งคดีที่เกิดขึ้น

ฎีกาที่ ๘๒๒ / ๒๕๑๐ คนตายเป็นฝ่ายก่อเหตุก่อน จะเข้ามาชกต่อยทำร้ายจำเลย
จำเลยจึงเอาปืนยิงลงพื้นดินไป ๑ นัด เพื่อขู่ให้คนตายกลัว  แต่คนตายไม่หยุด
กลับเข้ามากอดปล้ำใช้แขนรัดคอแล้วแย่งปืนจำเลย  จำเลยจึงยิงขณะชุลมุนนั้น
ไป ๑ นัด  ตาย  เป็นป้องกันที่พอสมควรแก่เหตุ  ไม่มีความผิด

ฎีกาที่ ๙๔๓ /๒๕๐๘  คนร้ายจูงกระบือออกจากใต้ถุนบ้านแล้ว มีปืนลูกซองมาด้วย
จำเลยร้องถามแล้ว คนร้ายหันปืนมาทางจำเลย   จำเลยยิงสวนทันที
ศาลฎีกาบอกว่า   คนร้ายหันปืนมาแล้ว  อาจยิงได้  และถ้าจำเลยไม่ยิง คนร้ายก็อาจเอา
กระบือไปได้  เป็นป้องกันที่พอสมควรแก่เหตุ

ฎีกาที่ ๑๒๕๖ /๒๕๓๐   คนตายบุกรุกเข้าไปฉุดลูกสาวในบ้านจำเลย
เมื่อมารดาเด็กเข้าห้ามถูกคนร้ายตบหน้า  แล้วจะฉุดพาลูกสาวออกบ้าน
จำเลยยิงไปทันที ๔ นัด  เป็นป้องกันที่พอสมควรแก่เหตุ

ฎีกาที่  ๖๐๖ / ๒๕๑๐ คนตายเข้ามาชกจำเลย  จำเลยล้มลง  คนตายเงื้อมีด
จะเข้าไปแทง  จำเลยยิงสวน  เป็นป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
 
         เทียบกับ

ฎีกาที่ ๒๗๑๗/ ๒๕๒๘  คนตายยืนถือมีดอยู่ห่าง ๒ วา  ยังไม่อยู่ในลักษณะพร้อมที่
จะฟันทำร้ายจำเลย  การที่จำเลยด่วนยิงคนตายไปก่อน
เป็นป้องกันจริง  แต่เกินสมควรแก่เหตุ

ฎีกาที่  ๔๕๔๔ / ๒๕๓๑  คนตายบุรุกเข้าไปในบ้านจำเลยยามวิกาล
เมื่อจำเลยได้ยินเสียงผิดปกติ  คว้าปืนลงมาดู   คนตายยิงทันที
จำเลยยิงสวน  เป็นป้องกันพอสมควรแก่เหตุ

ฎีกาที่  ๑๘๒ / ๒๕๓๒  ก.ถือไม้ไปที่บ้านจำเลย   ร้องท้าทายให้จำเลยมาสู้กัน
ก.เดินเข้าหาจำเลย  จำเลยตกใจกลัวว่า ก. จะเข้ามาเอาไม้ตีทำร้าย  จึงวิ่งไปเอาปืน
แล้วเล็งยิงไปที่ขา ก. รวม ๓ นัด  เมื่อรู้ว่ากระสุนถูกที่ขา ก. จำนวน ๑ นัด
จำเลยก็ไม่ยิงซ้ำ  เป็นป้องกันที่พอสมควรแก่เหตุ


 คราวนี้มาดูกรณีที่ถือว่าเกินสมควรกว่าเหตุ

ฎีกาที่  ๒๙๘๓ / ๒๕๓๑   คนตายขับมอเตอร์ไซด์กลับบ้าน  พบจำเลยระหว่างทาง
จำเลยพูดทวงหนี้คนตาย  คนตายโกรธเคืองต่อว่าจำเลย  พร้อมเดินเข้าไปหาจำเลย
ด้วยมือเปล่าเพื่อจะทำร้าย   ระยะห่างประมาณ ๑ วา  จำเลยใช้ปืนยิง ๑ นัด
เป็นป้องกันตัวจากการจะถูกทำร้าย  แต่เกินกว่าเหตุเพราะคนตายมือเปล่า

ฎีกาที่  ๖๔ / ๒๕๑๕  ก.และ ข.มือเปล่าไม่มีอาวุธ เข้ารุมชกต่อยจำเลย
จำเลยใช้ปืนยิง  ในระยะติดพันกันนั้นรวม ๓-๔-๕ นัด  จน ก. ตาย
เป็นป้องกันจริง   แต่เกินกว่าเหตุ

ฎีกาที่ ๔๐๕ / ๒๔๙๐  จำเลยเฝ้าไร่พืชผัก   คนตายเข้าไปในไร่ เวลากลางวันเพื่อ
จะลักพืชผัก   จำเลยจึงใช้ปืนยิงคนตาย   เป็นป้องกันจริง    แต่เกินกว่าเหตุ

ฎีกาที่  ๑๓๔๓ / ๒๔๙๕  ยิงคนร้ายขณะกำลังวิ่งหนีและพาเอาห่อของที่ลักไปด้วย
โดยคนร้ายไม่ได้ทำอะไรแก่ตนเลย   เป็นป้องกัน  แต่เกินสมควรแก่เหตุมาก

    ฎีกาที่ ๒๙๔ /๒๕๐๐  ยิงคนร้ายที่จูงกระบือในเวลากลางคืน  ตรงนั้นมืดมาก
  โดยคนร้ายไม่ได้แสดงกริยาต่อสู้  เป็นป้องกันที่เกินสมควรกว่าเหตุ

ฎีกาที่  ๒๗๑๗ / ๒๕๒๘  คนตายเข้ามาลักลอบตัดข้าวโพดในไร่จำเลย
ในตอนกลางคืน  โดยคนร้ายเอามีดมาด้วย  แต่ขณะที่จำเลยมาเห็น  คนตายยืนถือมีด
ห่างประมาณ   ๒  วา ยังไม่อยู่ในลักษณะพร้อมที่จะฟันทำร้าย   จำเลยด่วนยิง
จึงเป็นการป้องกันที่เกินกว่าเหตุ
       เรื่องนี้เป็นปัญหาขอเท็จจริง ที่จะพิจารณาว่าเข้าข้อกฎหมาย  หรือไม่.
       ข้อเท็จจริง คือเรื่องราวเกี่ยวกับคดีที่เกิดขึ้น จะต้องเป็นผู้มีวิชาชีพกฎหมาย
       มีความรู้ทางกฎหมาย .. จึงจะมองแนวทาง ออกชัด . และให้ความเห็นเป็นแนวทางไว้.        
ข้อเท็จจริง ที่อาจเข้าข้อกฎหมายในเรื่องกระทำพอสมควรก่อเหตุ..
       ๑. การกระทำในลักษณะสวนกลับ ในทันทีนั้น
           พฤติการณ์ จึงอาจเลือกได้ ความว่องไวแม่นยำ กับ หลบหลีกเข้าที่กำบัง แล้วสวนกลับ
       ๒. ได้กระทำตอบในลักษณะความรุนแรง เดียวกับภัยที่ถูกกระทำ เพื่อยุติภัยนั้น.
            ไม่ซ้ำถ้าคนร้ายหมดความสามารถแล้ว
       ๓. ได้กระทำกับอีกฝ่าย ที่ประเมินแล้ว ว่า เป็นโจร เป็นคนร้าย.
            เพราะตามพฤติการณ์ คนดี จะหลีกเลี่ยงไม่กระทำละเมิด หรือประทุษร้ายบุคคลอื่นก่อน  
ฎีกาที่ .๓๘๖๙ / ๒๕๔๖  คนตายปีนเข้าบ้านจำเลยตอนกลางคืนโดยไม่ทราบสาเหตุ
ที่ปีนเข้ามา  เมื่อจำเลยตื่นมาเห็นย่อมทำให้สำคัญผิดว่าคนตายเป็นคนร้าย
และในขณะนั้นจำเลยย่อมไม่อาจรู้ได้ว่าคนตายจะมีอาวุธหรือไม่  เพราะในห้องที่เกิดเหตุ
มืดมาก  และเป็นเวลากระทันหัน  หากจำเลยจะรอให้คนร้ายแสดงกริยาแล้วก็อาจจะถูก
ทำร้ายได้     การที่จำเลยใช้ปืนยิงไปเพียง ๑ นัด   คนตายร้องและล้มลง
และจำเลยมิได้ยิงซ้ำแต่อย่างใด   จึงเป็นการป้องกันที่พอสมควรแก่เหตุ

        ส่วนพวกที่ชอบรุมกินโต๊ะ ( สุนัขหมู่ ) ก็ระวังให้ดี

ฎีกาที่  ๖๐๗๗/๒๕๔๖  ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืนดึกมากแล้ว  จำเลยคนเดียว
เข้าไประงับเหตุไม่ให้กลุ่มคนตายเป็นชาย ๓ คน ดื่มสุราและร้องเพลงส่งเสียงดัง
ภายในเขตวัด   แล้วเกิดโต้เถียงกัน   จำเลยถูกชาย ๓ คนรุมทำร้ายอย่างต่อเนื่อง
โดยไม่มีโอกาสตอบโต้คืน  และไม่อาจรู้ได้ว้าพวก ๓ คนมีอาวุธใดมาด้วยหรือไม่
จำเลยชักปืนที่พกมาด้วยยิงไปเพียง ๑ นัด ถูกคนตาย   ถือว่าป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
ไม่มีความผิด
ฎีกาที่ ๑๓๙๖ / ๒๕๑๔  ก.ใช้จอบตีทำร้ายจำเลยโดยจำเลยไม่ได้เป็นคนก่อเหตุก่อน
ถูกที่เหนือข้อศอกซึ่งยกขึ้นรับไว้ได้  จากนั้น ก.ยังใช้จอบฟันซ้ำอีก ๒ ที ถูกที่เหนือเข่า
จนจำเลยล้มลง    แล้วยังมีพวกของ ก. อีก ๒ คนถือขวานและมีดวิ่งเข้ามาด้วย
กริยาแสดงให้เห็นว่าจะมาช่วย ก. เล่นงานจำเลยให้อยู่  จำเลยจึงใช้ปืนลูกซองสั้น
ยิงไป ๑ นัดในทันทีนั้นเอง   เป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ  ไม่มีความผิด




Credit :http://gunland.net/index.php/2009-12-08-05-16-54
_____________________

Pramuan Panitchawongs
SCCC
 
Blogspot Templates by TNB